วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทำเค้ก


เค้กผลไม้รวม Fruit Cake (ฟรุ๊ตเค้ก)



ส่วนผสม:
  • แป้งเค้ก
  • ผลไม้อบแห้งที่ต้องการ
  • เนยรสจืด
  • น้ำตาลทรายแดง
  • นมจืด
  • เยมส้ม
  • เมล็ดมะม่วงหิมมะพานอบ
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • เกลือ
  • ผงฟู
  • น้ำฝึ้ง
  • เหล้ารำ
ขั้นตอนการทำ:
  1. ร่อนของแห้งทั้งหมดลงผสมให้เข้ากัน แป้งเค้ก+น้ำตาลทรายแดง+เกลือ+ผงฟู
  2. หั่นผลไม้อบแห้งชิ้นพอประมาณไม่ใหญ่เกิดไป
  3. หมักผลไม้อบแห้งด้วยเหล้ารำ
  4. ตีเนยด้วยความเร็วสูง จนกว่าเนยเริ่มจะขึ้นฟู ใส่ไข่ไก่ที่ละ 1 ฟอง ใส่น้ำผึ้งที่เตรียมไว้
  5. ลดความเร็วในการตี ใส่แป้งและนมสดลงไปที่ละนิด
  6. นำผลไม้รวมที่หมักไว้มาใส่ลงในแป้งที่ผสม(เหลือไว้บางส่วนไว้แต่งหน้า) คลุกให้เข้ากัน จากนั้นใส่เมล็ดมะม่วงหิมมะพานลงไป
  7. เตรียมพิมพ์โดยรองกระดาษไขเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเค้กติดกับพิมพ์
  8. โรยผลไม้อบที่เหลือไว้ด้านบน
  9. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 40 นาที 
  10. นำออกจากเตา โดยให้แกะกระดาษไขออกทันที พักทิ้งไว้ให้เย็น
  11. ตกแต่งหน้าเค้กด้วยแยมส้ม
บัตเตอร์เค้ก Butter Cake (เค้กเนยสด)


ส่วนผสม:
  • แป้งเค้ก
  • ไอส์ซิ่ง หรือนำน้ำตาลไปปั่นในโถแห้ง
  • นมสดรสจืด
  • ไข่ไก่สด
  • เนยละลาย
  • โอวาเล็ต (ทำให้เค้กมีเนื้อเนียนละเอียด)
  • กลิ่น นม-เนย
  • เกลือ
  • ผงฟู
ขั้นตอนการทำ:
  1. ร่อนของแห้งทั้งหมดลงผสมให้เข้ากัน
  2. นำสวนผสมทั้งหมดมาตีให้เข้ากันยกเว้นเนยละลาย ตีจนส่วนผสมเป็นสีเหลืองออน
  3. ค่อยๆใส่เนยละลาย
  4. เทลงใส่พิมพ์ เข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาด
  5. นำออกมาพักรอให้เย็น พร้อมรับประทาน

เค้กมะพร้าวอ่อน




  • ส่วนผสม 1 แป้งเค้ก 45 กรัม
    ผงฟู 1/4 ช้อนชา
    น้ำตาลทรายป่น 27 กรัม
    เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • ส่วนผสม 2 ไข่แดงเบอร์สอง 2 ฟอง
    กะทิ 16.5 กรัม
    น้ำมันพืช 16.5 กรัม
    น้ำมะพร้าว 12 กรัม
  • ส่วนผสม 3 ไข่ขาวเบอร์สอง 2 ฟอง
    ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/8 ช้อนชา
    น้ำตาลทรายป่น 27 กรัม


  • วิธีทำ
    • ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เกลือ น้ำตาลป่นเข้าด้วยกัน พักไว้
    • ในชามอีกใบผสมไข่แดง น้ำมันพืช กะทิ น้ำมะพร้าว ตีให้พอเข้ากัน เทส่วนผสมที่ 2 ลงในส่วนผสมที่ 1 คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
    • ใน ชามที่สะอาดตีไข่ขาวกะครีมออฟทาร์ทาร์ให้เป็นฟอง จากนั้นค่อยๆทะยอยใส่น้ำตาลป่นลงไป ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน แบ่งส่วนผสมไข่ขาวออกเป็น 3 ส่วน นำไข่ขาวลงไปตะล่อมกะส่วนผสม 1+2 อย่างเบามือทีละส่วน ทำแบบนี้จนหมดไข่ขาว
    • เท ส่วนผสมที่ได้ลงในพิมพ์ขนาด 1 ปอนด์ กระแทกพิมพ์ 1 ครั้ง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 C อบด้วยไฟล่าง นาน 15-20 นาที พอสุกแล้วนำออกจากเตา กระแทกพิมพ์แรงๆ 1 ครั้งๆ นำเค้กออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็น
    ส่วนผสมไส้ครีมมะพร้าวอ่อน
    นม ข้นจืด 62.5 กรัม กะทิ 62.5 กรัม น้ำมะพร้าวอ่อน 75 กรัม น้ำตาล 25 กรัม แป้งกวนไส้ 15 กรัม เกลือ 1/8 ช้อนชา เนยสด 15 กรัม เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
    นำ นมข้นจืด กะทิ น้ำมะพร้าวอ่อน น้ำตาล แป้งกวนไส้ เกลือ ใส่ชาม คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟแบบ double-boiling คนส่วนผสมไปในทางเดียวกันตลอดเวลา จนกระทั่งแป้งสุก ส่วนผสมข้น ยกลงจากเตา ใส่เนยกับเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ให้ส่วนผสมเย็นแล้วจึงนำไปทาบนเนื้อเค้ก


    ที่มา: http://rueanthai2.lefora.com/2009/10/17/20091017161056/

    วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

    โปรโมชั่น Galaxy Note 10.1 ผ่อน 0% 12 เดือนถึง 28 กุมภาพันธ์



    จัดโปรโมชั่นเอาใจ Tablet สำหรับ Galaxy Note 10.1 ด้วยผ่อน 0% นาน 12 เดือนพร้อมกับ Galaxy Tab อีก 3 รุ่นมีราคาทั้งหมดตามรายละเอียดได้ดังนี้
    • Samsung Galaxy Note 10.1” ราคา 21,900 บาท
    • Samsung Galaxy Tab2 10.1” ราคา 15,900 บาท
    • Samsung Galaxy Tab 7.7” ราคา 15,900 บาท
    • Samsung Galaxy Tab2 7” ราคา 11,900 บาท



    USB Connector kit ราคาเพียง 290 บาท จากราคาปกติ 590 บาท และบัตรที่ร่วมรายการดังนี้
    1. กรุงศรี เฟิร์สชอยส์ ผ่อน 0% 12 เดือน
    2. อีออน ผ่อน 0% 12 เดือน
    3. กสิกรไทย ผ่อน 0% 10 เดือน
    โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2556 เท่านั้นช้าหมดอด


    ที่มา – Samsung

    http://www.itday.in.th

    Nokia EOS กล้อง 41ล้านพิกเซล มาแน่นอน


               หลังจากที่มีข่าวว่า ทาง Nokia ได้กำลังทำการ เอาความสามารถของ 808 Pureview มาลงบน Windows Phone Lumia ที่ในชื่อว่า Nokia EOS และล่าสุดมีการยืนยันจากแหล่งข่าวเข้ามาอีกว่า มันมีจริงๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นการเผยแพร่จากทาง The Guardian ซึ่งเป็นสื่อดังฝั่งสหราชอาณาจักร
    Nokia EOS อาจจะเป็นรุ่นแรกของ Nokia ที่มาพร้อมกับ Windows Phone ที่มีกล้องความละเอียดสูงใช้ Sensor 41 ล้านพิกเซลและจะมีการเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ถ้าช้าหน่อยก็อาจจะเป็นช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ปีนี้



               ถ้าทาง Nokia ออก Windows Phone กล้องเทพ 41 ล้านพิกเซลขึ้นมาจริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของวงการมือถือที่ก้าวไปอีกขั้น และทาง Microsoft เองก็คงยิ้มไม่หุบแน่นอนกับการมาของ Nokia EOS อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามันน่าจะมีการเปิดตัวที่ประเทศอื่นๆด้วยแต่อาจใช้เป็น ชื่ออื่นก็เป็นได้



    วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

    ผู้ใช้ iPhone 4S เซ็ง iOS6 แบตหมดไว




                      รายงานข่าวล่าสุด เจ้าของ ไอโฟน 4 (iPhone 4) และ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) หลายรายที่ได้อัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็น iOS 6 แสดงความรู้สึกพอใจกับหลายๆ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็ไม่โอเคกับปัญหาใหญ่ประการหนึ่งที่มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางกันในบอร์ดของ Apple เองเกี่ยวกับปัญหานี้นั่นก็คือ การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากกว่าเดิมทำให้มันหมดเร็วกว่าที่เคย

    ผู้ใช้บางรายอ้างว่า หลังจากที่อัพเกรด iOS 6 ให้กับ iPhone 4S ที่ใช้อยู่ ปรากฎว่า แบตฯ หมดเร็วกว่าเดิม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยระยะเวลาทีใช้จะสั้นลงประมาณ 10% ทั้งนี้บอร์ดสนทนาของแอปเปิ้ล (Apple Discussion board) มีการโพสต์มากกว่า 200 รายเกี่ยวกับปัญหานี้ พร้อมทั้งแนะทางออกในการแก้ปัญหา แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยได้เท่าที่ควร แบตฯ ยังคงหมดเร็วขึ้นเหมือนเดิม ตัวอย่างผู้ใช้ที่ใช้ชื่อว่า Only1Jib โพสต์ว่า เขาเคยใช้ iPhone 4S ทุกวันทำงาน ซึี่งแต่เดิมเมื่อกลับถึงบ้านมันจะเหลือแบตฯ 60% แต่หลังจากอัพเกรดเป็น iOS 6 เมื่อถึงบ้านมันเหลือแบตฯแค่ 17% เท่านั้น

    ในขณะทีผู้ใช้บางรายอ้างว่า ไอโฟนของเขาตอนเช้าแบตฯ 100% เต็ม แต่ผ่านไป 4 ชั่วโมงแบตฯ เหลือแค่ 0% และถึงแม้จะไม่ได้โทร ไม่ได้เปิดจีพีเอส และไม่ได้ต่อเน็ต แบตฯ ก็จะมีการตกลง 1% ในทุกๆ ไม่กี่นาที และถึงแม้จะปิด location มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ผูั้ใช้ชื่อ LocalBus กล่าวว่า กำลังคิดจะกลับไปใช้ iOS 5.1.1 เหมือนเดิม เพราะตอนนี้ แค่ 9 โมงเช้าถึง 10.30 แบตเตอรี่จาก 100% เหลือแค่ 52% เท่านั้น มันน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติแล้วนะ? นอกจากสามรายนี้ ยังมีเสียงบ่นเรื่องเกี่ยวกับแบตฯ หมดไวเมื่อใช้ iOS 6 อีกหลายราย ส่วนคำแนะนำก็จะมีให้ปิด Location, Mpas, Passbook แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เวิร์กสักเท่าใด

    reference ------> http://www.arip.co.th

    ไวรัสคอมพิวเตอร์คืออะไร




    ไวรัสคืออะไร
    ไวรัส คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูล ไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน
    การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายถึงว่าไวรัสได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไวรัสก็เป็นแค่โปรแกรมๆ หนึ่ง การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกให้ทำงานได้นั้น ยังขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสแต่ละตัว ปกติผู้ใช้มักจะไม่รู้ัตัวว่าได้ทำการปลุกคอมพิวเตอร์ไวรัสขึ้นมาทำงานแ้้ล้ว
    จุดประสงค์ของการทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับตัวผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอ เป็นต้น


    ประเภทของไวรัส
    บูตเซกเตอร์ไวรัส
    Boot Sector Viruses หรือ Boot Infector Viruses คือ ไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในบูตเซกเตอร์ของดิสก์ การใช้งานของบูตเซกเตอร์คือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานขึ้นมาตอนแรก เครื่องจะเข้าไปอ่านบูตเซกเตอร์โดยในบูตเซกเตอร์จะมีโปรแกรมเล็กๆไว้ใช้ในการเรียกระบบปฏิบัติการขึ้นมาทำงานอีกทีหนึ่ง บูตเซกเตอร์ไวรัสจะเข้าไปแทนที่โปรแกรมดังกล่าว และไวรัสประเภทนี้ ถ้าไปติดอยู่ในฮาร์ดดิสก์ โดยทั่วไปจะเข้าไปอยู่บริเวณที่เรียกว่า Master Boot Sector หรือ Parition Table ของฮาร์ดดิสก์นั้น ถ้าบูตเซกเตอร์ของฮาร์ดดิสก์ใดมีไวรัสประเภทนี้ติดอยู่ ทุกๆ ครั้งที่บูตเครื่องขึ้นมาโดย พยายามเรียกดอสจากดิสก์นี้ ตัวโปรแกรมไวรัสจะทำงานก่อนและจะเข้าไปฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำงานตามที่ได้ถูกโปรแกรมมา แล้วตัวไวรัสจึงค่อยไปเรียกดอสให้ขึ้นมาทำงานต่อไป ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    โปรแกรมไวรัส
    Program Viruses หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติก็คือ ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น sys และโปรแกรมประเภท Overlay Programs ได้ด้วย โปรแกรมโอเวอร์เลย์ปกติจะเป็นไฟล์ีที่มีนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วย OV วิธีการที่ไวรัสใช้เพื่อที่จะเข้าไปติดโปรแกรมมีอยู่ 2 วิธี คือ การแทรกตัวเข้าไปอยู่ในโปรแกรม ผลก็คือ หลังจากที่โปรแกรมนั้นติดไวรัสไปแล้ว ขนาดของโปรแกรมจะใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการสำเนาตัวเองเข้าไปทับส่วนของโปรแกรมที่มีอยู่เดิม ดังนั้นขนาดของโปรแกรมจะไม่เปลี่ยนและยากที่จะซ่อมให้กลับเป็นดังเดิม การทำงานของไวรัสโดยทั่วไป คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัสอยู่ ตัวไวรัสจะเ้ข้าไปหาโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่อยู่ในดิสก์เพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูกเรียกนั้น ทำงานตามปกติต่อไป
    ม้าโทรจัน
    ม้าโทรจัน (Trojan Horse) เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาใ้ห้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรมธรรมดาทั่วๆ ไป เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทำการเรียกขึ้นมาทำงาน แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมาแล้ว ก็จะเริ่มทำลายตามที่โปรแกรมมาทันที ม้าโทรจันบางตัวถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งชุด โดยคนเขียนจะทำการตั้งชื่อโปรแกรมพร้อมชื่อรุ่นและคำอธิบายการใช้งานที่ดูสมจริง เพื่อหลอกให้คนที่จะเรียกใช้ตายใจ จุดประสงค์ของคนเขียนม้าโทรจันอาจจะเช่นเดียวกับคนเขียนไวรัส คือ เข้าไปทำอันตรายต่อข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่อง หรืออาจมีจุดประสงค์เพื่อที่จะล้วงเอาความลับของระบบคอมพิวเตอร์
    ม้าโทรจันนี้อาจจะถือว่าไม่ใช่ไวรัส เพราะเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาโดดๆ และจะไม่มีการเข้าไปติดตั้งในโปรแกรมอื่นเพื่อสำเนาตัวเอง แต่จะใช้ความรู้เท่าไม่ถึงการของผู้ใช้เป็นตัวแพร่ระบาดซอฟต์แวร์ที่มีม้าโทรจันอยู่ในนั้นและนับว่าเป็นหนึ่งในประเภทของโปรแกรมที่มีความอันตรายสูง เพราะยากที่จะตรวจสอบและสร้างขึ้นมาได้ง่าย ซึ่งอาจใช้แค่แบตซ์ไฟล์ก็สามารถโปรแกรมประเภทม้าโทรจันได้
    โพลีมอร์ฟิกไวรัส
    Polymorphic Viruses เป็นชื่อที่ใช้ในการเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปลี่ยนตัวเองได้ เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้นซึ่งอาจได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจับ โดยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ๆในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
    สทีลต์ไวรัส
    Stealth Viruses เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรมใดแล้วจะทำให้ขนาดของโปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทีลต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากตัวไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิมทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    อาการของเครื่องที่ติดไวรัส

    สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเ้ข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้น ได้แก่

    • ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
    • ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
    • วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
    • ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อยๆ
    • เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
    • เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
    • แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
    • ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
    • ไฟล์แสดงสถานะการทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
    • ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ๆ ก็หายไป
    • เครื่องทำงานช้าลง
    • เครื่องบูตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
    • ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • เซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่
    • ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย
    • การตรวจหาไวรัส
    การสแกน
    โปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้ิวิธีการสแกน (Scanning) เรียกว่า สแกนเนอร์ (Scanner) โดยจะมีการดึงเอาโปรแกรมบางส่วนของตัวไวรัสมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ส่วนที่ดึงมานั้นเราเรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (VirusSignature) และเมื่อสแกนเนอร์ถูกเรียกขึ้นมาทำงานก็จะเข้าตรวจหาไวรัสในหน่วยความทรงจำ บูตเซกเตอร์และไฟล์โดยใช้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่มีอยู่

    http://www.phoenix-ins.co.th/web2013/index.php/component/k2/item/12-ไวรัสคอมพิวเตอร์คืออะไร

    7 วิธีประหยัดแบตเตอรี่ The new iPad





                  สำหรับ The new iPad รุ่นนี้ อย่างที่หลายคนทราบสเปกเครื่องอาจะไม่ได้ทำให้แฟนๆ สาวกแอปเปิล หรือผู้ที่กำลังเมียงมองแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ต้องร้องว้าวมากนัก โดยสเปกของ The new iPad จะมาพร้อมกับ ชิปประมวลผล A5X ชิปเซ็ทกราฟิกแบบควอดคอร์ กล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

          
           และแบตเตอรี่ของ The new iPad ให้มานั้นมีจำนวนมากมายเหลือเฟือถึง 11666mAh แต่ขึ้นชื่อว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าแบตเตอรี่ที่ผู้ผลิตจะให้มากขนาดเท่าใดก็ตาม มันก็คงไม่มีวันเพียงพอต่อการใช้งานเป็นแน่แท้ ดังนั้นทีมงานไซเบอร์บิซขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการประหยัดแบตเตอรีของ The new iPad
          
           วิธีที่ 1 ลดหน้าจอความสว่างลง
          
           สิ่งแรกที่มักจะทำให้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนหรือจะเป็นแท็บเล็ตรุ่นใดก็ตามหมดลงง่ายที่สุด คือ แสงสว่างของหน้าจอเครื่อง ที่ผู้ใช้หลายคนมักจะต้องการแสงสว่างที่สว่างที่สุด เพื่อให้ทัศนวิสัยในการมองเครื่องเห็นได้ชัด แต่ว่าการตั้งค่าแสงให้สว่างที่สุดเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่นัก ถ้าหากผู้ใช้ต้องการที่จะประหยัดพลังงาน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ควรลดแสงสว่างของหน้าจอลงให้เหลืออย่างมากที่สุดครึ่งหนึ่งของแถบปรับความสว่าง


           สำหรับการตั้งค่าสามารถเข้าไปที่ Setting > Brightness & Wallpaper
          
           วิธีที่ 2 เปิดโหมด Auto-Lock เสมอ
          
           หาก The new iPad ของคุณผู้ใช้ไม่ได้ตั้งโหมด Auto-Lock เอาไว้ นั่นจะทำให้หน้าจอเครื่องของคุณก็จะถูกเปิดหน้าจอค้างเอาไว้ และจะทำให้เป็นการกินทรัพยากรแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ ดังนั้นจึงขอแนะนำผู้ใช้ว่า ควรจะตั้งโหมดดังกล่าวด้วย โดยการตั้งค่าเข้าไปที่ Setting > General > Auto-Lock
          
           ทางที่ดีตั้งค่า Auto-Lock สัก 1 นาที ก็เพียงพอแล้ว
          
           วิธีที่ 3 ปิด Notification บ้างก็ได้
          
           ถึงแม้ว่าหน้าจอ The new iPad ของผู้ใช้จะเข้าสู่โหมด Auto-Lock แล้วก็ตามที แต่ทว่าการทำงานเบื้องหลังโดยเฉพาะในส่วนของการแจ้งเตือนข้อความ (Notifications) ของแอปพลิเคชันในเครื่องก็ยังคงทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม เป็นต้น ซึ่งการที่ผู้ใช้ตั้งค่าให้แอปพลิเคชันต้องรายงานการแจ้งเตือนทุกครั้ง เมื่อมีข้อความใหม่ๆ ก็จะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แบตเตอรี่จะถูกซดจนหมดเกลี้ยงอย่างง่ายดายโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันได้สังเกตกันเลยทีเดียว
          
           ดังนั้น คุณผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าเกี่ยวกับ Notifications ได้ที่ Setting > Notifications สำหรับแอปพลิเคชันที่คุณไม่ต้องการให้มันแจ้งเตือน
          
           วิธีที่ 4 ปิด GPS สักหน่อยก็ช่วยประหยัดแบตเตอรี่
          
           GPS หรือ Global Positioning Systems หรือระบบติดตามตัว ซึ่งเป็นระบบที่มีอยู่ในอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งในส่วนของ GPS ก็จะทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเครื่องของคุณจะเปิด/ปิด 3G/WiFi หรือไม่ มันก็จะทำงานของมันต่อไป
          
           ถ้ารู้สึกว่า ไม่ต้องการที่จะใช้บริการ GPS ก็สามารถปิดส่วนนี้ได้ที่ Settings > Locations Services
          
           วิธีที่ 5 Push E-Mail ในวันหยุด
          
           ในส่วนนี้ก็ทำงานคล้ายๆ กับเหล่าบรรดา Notifications ต่างๆ ที่จะทำงานในรูปแบบของแอปพลิเคชันเบื้องหลัง โดยที่จะแอบกินแบตเตอรี่ทีละเล็กทีละน้อย แต่ถ้าหากผู้ใช้กำลังใช้งาน The new iPad ในวันธรรมดา ซึ่งเป็นวันทำงานของคุณการเปิดฟีเจอร์ส่วนของ Push E-Mail ก็ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทว่า ถ้าเป็นวันหยุดพักผ่อนของคุณ การปิด Push E-Mail ก็เป็นสิ่งที่น่ากระทำ โดยการเข้าไปที่ Setting > Mail, Contacts, Calendar > Fetch New Data > Advance แล้วเลือกว่าจะให้อยู่ในโหมด Push, Fetch หรือจะเป็น Manual
          
           วิธีที่ 6 ปิด WiFi/3G เมื่อไม่ใช้งาน
          
           ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะเคลมว่า The new iPad สามารถใช้งานด้านการเชื่อมต่อ WiFi/3G ได้นาน 10 กว่าชม. แต่ถ้าเป็นไปได้ หากผู้ใช้ไม่ได้ใช้งานตัวเครื่อง หรือการเชื่อมต่อ WiFi/3G ก็ควรปิดการเชื่อมต่อลง เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ตัวเครื่องก็จะทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตต่อไป และเมื่อผู้ใช้กลับมาใช้งานก็อาจจะไม่สามารถใช้งานตัวเครื่องได้นานเท่าที่ผู้ใช้ต้องการ
          
           วิธีที่ 7 ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนนำ The new iPad ไปลุย
          
           แน่นอนว่า ถ้าหากทำตามทั้ง 6 วิธีก่อนหน้านี้แล้ว ยังไม่สัมฤทธิ์ผล คงต้องย้อนกลับมาดูก่อนว่า คุณผู้ใช้ได้ชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่องเต็ม 100% รึยัง? ถ้ายังผู้ใช้ก็ควรจะชาร์จแบตเตอรี่ของ iPad ให้เต็มถังเสียก่อน ก่อนที่จะนำเครื่องไปใช้งาน จะได้ไม่ต้องประสบปัญหาแบตเตอรี่หมดระหว่างการใช้งาน
          
           สำหรับการชาร์จ The new iPad ที่ใช้แบตเตอรีแบบ ลิเธียม-ไอออน นั้นไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ผู้ใช้ควรจะชาร์จแบตเตอรี่ก่อนที่ตัวเครื่องจะไม่มีพลังงานเหลืออยู่ในเครื่องแม้แต่หยดเดียวเท่านั้นก็พอ
          
           และนี่คือ 7 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน The new iPad ได้นานเต็มประสิทธิภาพตามที่ใจคุณปรารถนา


    Reference ------> http://www.manager.co.th

    5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของคุณ


                 คงเซ็งในอารมณ์ไม่ใช่น้อยหากคุณพบว่า ไวไฟ (Wi-Fi) ในบ้านไม่เอื้ออำนวยให้การอ่านข่าวบนไอแพด (iPad) ยามเช้าไหลลื่นหมือนกาแฟที่กำลังดื่มอย่างคล่องคอในขณะนั้น บทความนี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ในการที่จะปรับแต่งการใช้งานให้สัญญาณ Wi-Fi ในบ้านแรงขึ้น เพื่อการท่องเน็ตที่มีความสุขยิ่งขึ้น


                 สำหรับเทคนิคที่นำมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้จะมีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน โดยหากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ได้ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เชื่อว่า คุณจะสามารถเพิ่มระยะของการครอบคลุมสัญญาณไวไฟที่ไกลกว่าเดิม และประสบการณ์ในการท่องเน็ตไร้สายทีเร็วขึ้น ว่าแล้วลองมาดูกันครับว่า มีวิธีใดบ้าง?

    1. อัพเดทเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้  หากเราท์เตอร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ ไม่ได้ล่าสมัยจนเกินไป (ไม่เกิน 3 ปี) ระบบทั้งหมดน่าจะสนับสนุนการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน Wirelee-N ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมันเข้ากันได้ แนะนำให้ตั้งค่าของเราท์เตอร์เป็น N-mode only เพื่อให้ได้ความเร็ว และรัศมีครอบคลุมการใช้งานสูงสุด การคั้งค่าเป็น b/g/n เพื่อให้สนับสนุนการเชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าทีทำงานช้ากว่า หากพีซีทีใช้มาพร้อมกับการ์ดเชื่อมต่อด้วย Wireless-G แนะนำให้มารุ่นใหม่ที่เป็น Wireless-N มาใส่แทน อย่างไรก็ตาม การซื้อเราท์เตอร์ใหม่ที่ไม่สนับสนุน Wireless-N มีโอกาสที่มันจะไม่สนับสนุนการเข้ารหัสระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดด้วย ก่อนตั้งค่าเป็น Wireless-N แนะนำให้คุณตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตด้วยว่า เฟิร์มแวร์ของเราท์เตอร์ที่คุณใช้อยู่ได้รับการอัพเกรดให้ใช้ได้แล้ว หรือยัง? ลองตรวจสอบ และทำตามดูนะครับ แล้วคุณจะพบกับประสบการณ์ใหม่ในการท่องเว็บไร้สายภายในบ้านของคุณ

    2. หาฮวงจุ้ยที่เราท์เตอร์สามารถให้สัญญาณได้แรงที่สุด เราท์เตอร์ไม่ได้เป็นแก็ดเจ็ตที่สวยหรูดูดี ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบวางมันหลบๆ ซ่อนๆ ไว้ แต่มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากๆ เพราะเราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์"ขี้ร้อน"และมันต้องการที่ทีมีอากาศถ่ายเทสะดวก ดังนั้นควรวางมันในที่เปิดโล่ง อย่างเช่น ตรงกลางบ้าน พยายามให้อยู่ห่างจากผนัง และสิ่งกีดขวาง อย่างเช่น ตู้เอกสารที่ทำจากหล็ก ไม่ควรวางเราท์เตอร์ให้เสาสัญญาณชิดติดกำแพง หรือออกไปนอกอาคาร เพราะจะทำให้สูญเสียสัญญาณครึ่งหนึ่งที่ส่งออกไป แถมยังอาจจะกลายเป็นการสร้างจุดบอดของสัญญาณภายในบ้านซะด้วยซ้ำ ฮวงจุ้ยที่ดีทีสุดสำหรับการติดตั้งเราท์เตอร์คือ ที่สูงดีกว่าที่ต่ำ โดยเฉพาะบ้านสองชั้น ถ้าจะให้ง่ายหน่อยแนะนำให้คุณวางเราท์เตอร์ไว้เหนือชั้น หรือบนตู้สูง และไม่อยู่ชิดติดสิ่งกีดขวางที่อาจบล็อคสัญญาณได้

    Reference ------> http://www.arip.co.th

    ทวิตเตอร์ลุยส่งอีเมลถึงผู้ใช้ 2.5 แสนรายที่ถูกฉกรหัสผ่านแล้ว




           
                         รายงานความคืบหน้าล่าสุดเหตุทวิตเตอร์ (Twitter) เครือข่ายสังคมรับส่งข้อความสั้น 140 ตัวอักษรถูกเจาะระบบจนทำให้ข้อมูลชื่อและรหัสผ่านของผู้ใช้กว่า 250,000 รายถูกขโมยไป ล่าสุดบริษัทตะลุยส่งอีเมลเตือนให้ผู้ใช้ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเปลี่ยนรหัสผ่าน พร้อมกับยืนยันว่าเหตุแฮกข้อมูลที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับวิกฤตทวิตเตอร์ล่มซึ่งเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา      
           ทวิตเตอร์ยอมรับกับสื่อมวลชนสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าถูกเจาะระบบจนทำให้ข้อมูลรหัสผ่านผู้ใช้ 2.5 แสนรายถูกขโมย ความที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในสหรัฐฯ มีปัญหาไม่สามารถใช้งานระบบได้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้หลายเสียงเชื่อมโยงว่าเหตุเจาะระบบนี้อาจเกี่ยวข้องกัน จุดนี้ทวิตเตอร์ปฏิเสธพร้อมตั้งข้อสันนิษฐานว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเหตุยักษ์ใหญ่สื่อมวลชนอเมริกันถูกเจาะระบบมากกว่า
          
           เบื้องต้นผู้บริหารทวิตเตอร์เชื่อว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นไม่ใช่การทำงานของมือสมัครเล่น แต่เชื่อว่าการโจมตีทวิตเตอร์ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับกรณีที่สำนักข่าวใหญ่วอชิงตันโพสต์ถูกเจาะระบบ จุดนี้เชื่อว่าทวิตเตอร์เป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมายการโจมตีซึ่งเชื่อว่าจะประกอบด้วยบริษัทด้านสื่อและเทคโนโลยีหลายแห่งของสหรัฐฯ เช่น หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และวอลล์สตรีทเจอร์นัลที่ออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่าถูกเจาะระบบโดยคนร้ายที่อาจมาจากประเทศจีน
          
           เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ทวิตเตอร์ทำการยกเลิกรหัสผ่านบัญชีผู้ใช้ พร้อมส่งอีเมลแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงความเสี่ยงที่นักเจาะระบบตัวร้ายจะสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้บางอย่าง เช่น อีเมลแอดเดรส ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการกลับไปเปลี่ยนรหัสผ่านของทุกบริการใหม่อีกครั้ง โดยเรียกร้องให้ตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 10 ตัวอักษร และขอให้ตั้งรหัสผ่านใหม่ให้บริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับทวิตเตอร์ด้วย
          
           ทวิตเตอร์ไม่ให้ความเห็นว่ามีบริษัทเทคโนโลยีรายใดที่ถูกโจมตีลักษณะเดียวกัน จุดนี้สื่ออเมริกันพยายามเชื่อมโยงเข้ากับอเมซอน (Amazon) เว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์อันดับ 1 ของชาวอเมริกันที่มีวิกฤตระบบล่มในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่งภายหลัง อเมซอนก็ไม่ได้ออกมายอมรับว่าถูกเจาะระบบเหมือนที่ทวิตเตอร์และสื่ออื่นๆ ทำ
          
           ในอีเมล ทวิตเตอร์ยืนยันให้ผู้ใช้ตรวจสอบ address bar บนเว็บเบราว์เซอร์ว่าที่อยู่เว็บไซต์ที่เปิดนั้นเป็น https://twitter.com จริงก่อนจะป้อนรหัสผ่านลงไป จุดประสงค์คือเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เป็นเหยื่อของ Phishing ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอมที่ออกแบบหน้าตาเลียนแบบทวิตเตอร์ ขณะเดียวกัน ทวิตเตอร์เตือนให้ผู้ใช้ระวังเว็บไซต์หรือบริการที่เสนอผู้ติดตามจำนวนมากเป็นรางวัลล่อใจ เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้จะส่งข้อความขยะหรือสแปมอัปเดตซึ่งจะทำลายชื่อบัญชีของผู้ที่หลงกล
          

    สมาร์ทโฟนรุ่นใด "สารพิษ" น้อยที่สุด!!!






    นักวิจัยในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เริ่มตอบสนองต่อคำเรียกร้องของผู้บริโภคที่มาพร้อมกับแรงกดดันจากหน่วยงานควบคุมต่างๆ ในการที่จะควบคุมการผลิตให้มีการลดการใช้"สารพิษ"ในสมาร์ทโฟนน้อยลง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ และสิ่งแวดล้อม

    ทั้งนี้ข้อมูลจาก Ecology Center ในมิชิแกนระบุว่า สมาร์ทโฟน 3 รุ่นที่เข้าวินในฐานะที่มีการใช้สารพิษน้อยที่สุดจากการเปรียบเทียบสมาร์ทโฟน 36 รุ่นในข่วง 5 ปีที่ผ่่านมา ได้แก่ Motorola Citrus, iPhone 4S และ LG Remarq ในขณะที่ iPhone 5 ติดอันดับ 5 ส่วน Samsung Galaxy S3 ติดอันดับ 9 ประเด็นที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ iPhone 2G ที่ขายดีที่สุดในปี 2007 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีสารพิษในส่วนประกอบมากทีสุด "สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้สารเคมีในส่วนประกอบไม่ใช่น้อย และเต็มไปด้วยสารพิษ แต่หากเทียบปัจจุบัน ผู้ผลิตได้ทำให้มันดีขึ้นมากแล้ว" นักวิจัยจาก Ecology Center กล่าว

    อย่างไรก็ดี ทางบริษัทวิจัยได้อธิบายเพิ่มเติมเกียวกับสารพิษในสมาร์ทโฟนว่า จากตัวอย่างสมาร์ทโฟนที่นำมาใช้ในการศึกษาครั้งนี้ จะมีสารพิษที่เป็นอันตรายอย่างน้อยหนึ่งรายการ ไม่ว่าจะเป็น ตะกั่ว โบรไมน์ คลอรีน ปรอท และแคดเมี่ยม ซึ่งสารพิษอันตรายจะสามารถสร้างมลภาวะได้ตลอดช่วงชีวิตผลิตภัณฑ์ ผู้ใช้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ทีปลอดภัยกำลังพยายามผลักดันให้บริษัทต่างๆ ออกแบบ และผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสุขภาพผู้ใช้ให้มากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง Ecology Center ได้สำรวจสารพิษที่พบในรถยนต์ ที่นั่งเด็กในรถยนต์ เครื่องประดับ สายยางฉีดน้ำ และแก็ดเจ็ตที่ใช้ในคืนฮัลโลวีน

    การใช้โปรแกรม Microsoft Word 2010

               โปรแกรม Microsoft Word 2010 เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการจัดทำเอกสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รายงาน จดหมาย ตลอดจนตารางข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก จึงเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน จนทำให้บริษัทผู้ผลิตได้มีการพัฒนาโปรแกรมให้มีความสามารถมากกว่าเดิมอีก และโปรแกรมใหม่นี้มีชื่อ ว่า Microsoft Word 2010 หน้าต่างของโปรแกรมด้านล่างคะ



    1. ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Word 2010
    โปรแกรม Microsoft Word 2010 มีรูปร่างหน้าตา และส่วนประกอบของโปรแกรมที่เหมือน และแตกต่างจาก Microsoft Word 2007 ดังภาพด้านล่างนี้





    1. แถบชื่อเรื่อง (Title Bar) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงชื่อโปรแกรม และชื่อไฟล์ที่ได้เปิดขึ้นมา
       2. แถบเครื่องมือด่วน (Quick Access) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงคำสั่งที่ใช้งานบ่อย
                3. ปุ่ม File (แฟ้ม) = เป็นส่วนที่ทำหน้าที่คล้ายกับปุ่ม Office ใน Microsoft Office 2007 คือ จัดเก็บคำสั่งที่ใช้ในการทำงานเอกสาร เช่น New Open Save และ Print เป็นต้น
    4. ปุ่มควบคุม = เป็นส่วนที่ใช้ควบคุมการเปิด หรือปิดหน้าต่างโปรแกรม
    5. ริบบอน (Ribbon) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงรายการคำสั่งต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงานกับเอกสาร
    6. พื้นที่การทำงาน = เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นภายในเอกสาร
    7. แถบสถานะ (Status Bar) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงจำนวนหน้ากระดาษ และจำนานตัวอักษรที่ใช้ในเอกสาร


    2. การเพิ่ม และลบไอคอนคำสั่งในแถบเครื่องมือด่วนใน Microsoft Word 2010



    1. คำสั่งที่ได้เลือกก็จะแสดงขึ้นมาบนแถบเครื่องมือเร่งด่วน


    3. การกำหนดขนาดกระดาษ ใน Word 2010
      4. ปุ่มควบคุม = เป็นส่วนที่ใช้ควบคุมการเปิด หรือปิดหน้าต่างโปรแกรม
    การใช้โปรแกรม Microsoft Word 2010


    http://www.com5dow.com

    iPhone 5

                   



                   [27-พฤศจิกายน-2555] ใกล้จะเปิดจำหน่ายในไทย ครบ 1 เดือนเต็มทีแล้ว สำหรับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ที่เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกของการรับเครื่อง iphone 5 (ไอโฟน 5) จากทั้ง 3 เครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น AIS, Dtac และ Truemove H ในส่วนของการพรีออเดอร์ ไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ท่านที่ติดตามข่าว iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาโดยตลอด จะพบว่า ค่อนข้างมีปัญหาในเรื่องนี้เป็นอย่างมากครับ เนื่องจากผู้ที่จองเครื่องก่อนเป็นลำดับแรกๆ กลับได้เครื่องช้ากว่า ผู้ที่เดินเข้าไปซื้อที่หน้าร้านโดยตรง อีกทั้ง ยังเกิดความคลาดเคลื่อนของวันที่รับสินค้า ไม่ตรงตามกำหนด เนื่องจากได้รับแจ้งว่า มีสินค้าไม่เพียงพอบ้าง มีคิวเยอะบ้าง และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะที่ ผู้ที่เดินไปซื้อจากหน้าร้านโดยตรง สามารถได้รับสินค้าเลยทันที โดยไม่ต้องรอคิว
    แน่นอนครับ ปัญหาการรับเครื่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) ที่ยืดเยื้อไปกว่า 2-3 สัปดาห์ รวมไปถึงการสั่งซื้อ iPhone 5 (ไอโฟน 5) จากผู้ให้บริการต่างๆ ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ถ้าหาก walk iin เดินไปซื้อ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ในตอนนี้ จะมีเครื่องที่ศูนย์เลยหรือไม่ หรือจะต้องสั่งจองผ่านเว็บไซต์อย่างเดียว จะต้องเสียเงินมัดจำเท่าไหร่ และใช้เวลานานกี่วัน ในวันนี้ เว็บไซต์ techmoblog ได้รวบรวม สถานการณ์การสั่งซื้อ iPhone 5 (ไอโฟน 5) จากทั้ง AIS, Dtac, Truemove H และ Apple Store เพื่อเป็นข้อมูล สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจที่จะซื้อ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ในช่วงนี้ครับ


    สเปค iPhone 5 (ไอโฟน 5)
    - จอแสดงผลกว้าง 4 นิ้ว แบบ Retina Display Capacitive Touchscreen ความละเอียด 1136x960 พิกเซล (326 ppi)
    - ระบบประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.0 GHz
    - หน่วยประมวลผลภาพ (GPU) PowerVR SGX 543MP3
    - ระบบปฏิบัติการ iOS 6
    - หน่วยความจำ RAM ขนาด 1GB
    - กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
    - กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Full HD 1080p
    - หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB, 32GB และ 64GB
    - รองรับเครือข่าย 2G, 3G และ 4G
    - รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0, GPS (A-GPS)
    - มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ Black & Slate และ สีขาว White & Silver

    รูปลักษณ์ และการออกแบบ iPhone 5 (ไอโฟน 5)

                 สำหรับรุ่นที่ทีมงานได้นำมาทำการทดสอบ ในวันนี้คือรุ่น iPhone 5 (ไอโฟน 5) สีดำ Black & Slate ความจุ 16 GB โดยตัวเครื่องที่อยู่ภายในกล่อง จะมีพลาสติกใส ติดอยู่ที่ตัวเครื่อง ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง


    สำหรับด้านบนของตัวเครื่อง จะมีแค่เพียงปุ่ม เปิดปิด เครื่อง เท่านั้น
    โดยพอร์ตเชื่อมต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรได้ถูกย้ายไปอยู่ด้านล่างแทน


          ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เรียงจากซ้ายไปขวา ก็จะเป็น พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ตามมาด้วย Build-in Microphone และ พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และชาร์จไฟ แบบใหม่ (Lightning connector) และสุดท้ายคือ Build-in Speaker ครับ 


                   สำหรับด้านข้างฝั่งซ้าย ปุ่มที่เห็นเป็นสี่เหลี่ยมเรียวๆ อยู่นั้น สามารถทำงานได้ 2 แบบขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลักครับ โดยสามารถเป็นได้ทั้ง ปุ่มเปิด-ปิดเสียง หรือล็อคการหมุนของหน้าจอ (rotate) ส่วน 2 ปุ่มกลมๆ นั้น เป็นปุ่มสำหรับ เพิ่มลดเสียง เช่นเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า


                      ส่วนฝั่งขวานั้นจะมีเพียงช่องสำหรับ ใส่ซิมการ์ด โดยซิมที่ใช้บน iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นก็จะเป็นแบบ Nano-Sim นั่นเองครับ


                 สำหรับกล้องด้านหน้านั้น ความละเอียดอยู่ที่ 1.2 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งาน FaceTime ความละเอียดที่ 720p มีเซนเซอร์รับภาพแบบ Backside illumination ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่มืด ระบบ Face detection ตรวจจับตำแหน่งของใบหน้า นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งาน FaceTime บนเครือข่าย 3G และ 4G ได้อีกด้วย

                      ในส่วนนี้ก็จะเป็น กล้องดิจิตอล iSight ด้านหลังของตัวเครื่อง ที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และไมโครโฟนสำหรับการบันทึกเสียง ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง ตัวเลนส์ และไฟแฟลชครับ นอกจากนี้ iphone5 (ไอโฟน 5) ยังสามารถถ่ายวีดีโอด้วยความละเอียดระดับ Full HD 1080p ครับ